วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

:: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ถาคอีสาน) :: ลาบหมู

:: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ถาคอีสาน) ::

ลาบหมู

ส่วนผสม :

หมูเนื้อแดงสับ 200 กรัม

ไส้ตัน และตับ 200 กรัม

หนังหมู 100 กรัม

ข้าวคั่ว 25 กรัม

พริกป่น 5 กรัม

ผักชี 2 ต้น

ต้นหอมซอย 2 ต้น

ใบสะระแหน่ 8 กรัม

หอมแดงซอย 8 กรัม

น้ำปลา 25 กรัม

น้ำมะนาว 30 กรัม

ผักสด : กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม

วิธีทำ

- ต้มเครื่องในหมู และหนังหมูจนสุก หั่นเป็นชิ้นบางๆ

- เอาหม้อตั้งไฟใส่หมูสับลวกจนสุก

- เคล้าหมูสับ เครื่องในหมู หนังหมู พริกป่น หอมแดงซอย ต้นหอม ผักชีซอย และข้าวคั่ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว โรยด้วยใบสะระแหน่ รับประทานกับผักสด กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม

ข้อมูลจาก

http://www.lasalle.ac.th/computer/4regionfood/eastnorth_4.htm

:: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ถาคอีสาน) :: ซุปหน่อไม้

:: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ถาคอีสาน) ::

ซุปหน่อไม้

ซุป หน่อไม้ เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและแพร่หลายในทุกภาค เนื่องจากมีกรรมวิธีการทำที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก ใช้เครื่องปรุงที่มีอยู่ในครัว และหน่อไม้ก็หาได้ทั่วไปตามชนบท บางบ้านก็ปลูกหน่อไม้ไว้ข้างบ้าน

ซุปหน่อไม้เป็น อาหารที่เป็นที่นิยมของชาวอีสานเช่นกัน ซึ่งสามารถหากินได้แทบจะทุกจังหวัด แต่กรรมวิธีในการปรุงซุปหน่อไม้นั้นอาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละถิ่น แต่ก็ไม่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซุปหน่อไม้ก็เช่นเดียวกับอาหารอื่นๆ ของภาคอีสานคือจะมีรสจัดจ้าน และมีเครื่องปรุงหลักที่ขาดไม่ได้เลยคือ น้ำปลาร้า เรียกได้ว่าชาวอีสานทุกครัวเรือน จะต้องมีน้ำปลาร้าประจำอยู่ในครัว ถ้าไม่มีอาหารอะไรก็จะเอาปลาร้ามาตำน้ำพริกรับประทานกับผักสดที่ปลูกอยู่ ข้างบ้าน ถือเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายอย่างหนึ่งของชาวอีสาน ที่มีลักษณะการดำรงชีวิตแบบง่ายๆ คือ อยู่ง่ายๆ กินง่ายๆ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่รอบๆ ตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด และรู้จักประยุกต์ใช้ทรัพยากรในหลายๆ ด้าน

ส่วนผสม :

หน่อไม้รวกขูดเป็นเส้นฝอย 300 กรัม

ใบย่านาง 20 ใบ ( 15 กรัม)

น้ำคั้นจากใบย่านาง 2 ถ้วย

น้ำปลาร้า 1/2 ถ้วย ( 50 กรัม)

เกลือ 1/2 ช้อนชา ( 4 กรัม)

น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ( 15 กรัม)

มะนาว 2–3 ช้อนโต๊ะ ( 45 กรัม)

ผักชีฝรั่งซอย 2 ต้น ( 7 กรัม)

ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ ( 30 กรัม)

ใบสะระแหน่เด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย ( 50 กรัม)

งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา ( 8 กรัม)

พริกป่น 1 ช้อนชา ( 8 กรัม)

ข้าวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะ ( 15 กรัม)

วิธีทำ

- นำหน่อไม้มาเผาไฟหรือต้มให้สุก นำมาขูดเป็นเส้นฝอยๆโดยใช้ส้อมหรือเข็มขูดตัดเป็นท่อนประมาณหนึ่งคืบ แล้วนำไปต้มให้หายขม

- ใบย่านาง คั้นให้ได้นำค้นเขียวประมาณ 2 ถ้วย

- คั่วงาโดยใช้ไฟอ่อนๆ แล้วร่อนเอาฝุ่นอกให้หมด โขลกให้ละเอียดเอาไว้โรยหน้าหรือจะโขกรวมกับซุปหน่อไม้ก็ได้

- หั่นผักทุกชนิดแบบฝอย หอมแดงเผา พริกสดเผา โขลกรวมกัน

- นำหน่อไม้มาบีบน้ำออกให้หมด ใส่ลงในนำใบย่านาง เติมเกลือน้ำปลาน้ำปลาร้า แล้วต้มให้น้ำย่านางสุกจนน้ำขลุกขลิก

- โขลกพริกและหัวหอมที่เผาแล้วให้ละเอียด ใส่เนื้อปลาลงโขลก ใส่หน่อไม้ที่ต้มกับใบย่านางแล้วลงไป ปรุงรสอีกครั้ง ชิมดูรสตามความต้องการแล้วปล่อยให้เย็น โรยผัก งาและพริกป่นที่เตรียมไว้ถ้าหากชอบรสเผ็ด

- จัดใส่จานรับประทานกับผักสดพื้นบ้าน

ข้อมูลจาก

http://www.lasalle.ac.th/computer/4regionfood/eastnorth_3.htm

:: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) :: ส้มตำ

:: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ถาคอีสาน) ::

ส้มตำ

ส้มตำ เป็นภาษากลางที่ใช้เรียกกันทั่วไป ชาวอีสานเรียก ตำบักหุ่ง หรือตำส้ม ส้มตำของชาวอีสานเป็นเมนูอาหารหลักของชาวอีสานรองจากข้าวเหนียว สามารถรับประทานกันได้ทุกวันและทุกมื้อ มีความหลากหลายมาก พืชผัก ผลไม้ ชนิดต่างๆ ก็สามารถนำมาตำรับประทานได้ทั้งสิ้น เช่น ตำมะละกอ ตำถั่วฝักยาว ตำกล้วยดิบ ตำหัวปลี ตำมะยม ตำลูกยอ ตำแตง ตำสับปะรด ตำมะขาม ตำมะม่วง เป็นต้น ซึ่งจะมีรสชาติที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเภท แต่โดยรวมแล้วจะเน้นที่ความมีรสจัดจ้านถึงใจและเน้นที่ความเปรี้ยวนำ แต่จะอร่อยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปลาร้าเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้

ส่วนผสม :

มะละกอสับตามยาว 1 ถ้วย ( 100 กรัม)

มะเขือเทศสีดา 3 ลูก ( 30 กรัม)

มะกอกสุก 1 ลูก ( 5 กรัม)

พริกชี้หนูสด 10 เม็ด ( 15 กรัม)

กระเทียม 10 กลีบ ( 30 กรัม)

น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ ( 30 กรัม)

น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ ( 8 กรัม)

น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ ( 15 กรัม)

ผักสด : ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ยอดปักบุ้ง ยอดและฝักกระถิน ยอดมะยม ไก่ย่าง แคบหมู

วิธีทำ

- โขลกกระเทียม พริกขี้หนู พอแตก

- ใส่มะละกอ มะเขือเทศผ่าซีก ฝานมะกอกเป็นชิ้นบางใส่ลงโขลกเข้าด้วยกัน

- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมะนาว โขลกเบาๆ พอเข้ากันชิมตามชอบ นิยมรับประทานกับผักสดและเส้นขนมจีน

: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ถาคอีสาน) ::

:: อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ถาคอีสาน) ::

น้ำพริกปลาร้า

ส่วนผสม :

ปลาดุกอุยหนัก 200 กรัม 1 ตัว

น้ำปลาร้า 100 กรัม

พริกขี้หนูสด 10 เม็ด

หอมแดง 30 กรัม

กระเทียม 5 กรัม

น้ำมะนาว 45 กรัม

ผักชี 1 ต้น

ผักสด : แตงกวา มะเขือ ถั่วฝักยาว ยอดกระถิน

วิธีทำ

- ขูดเมือกปลาดุกออก ควักไส้และเหงือกทิ้ง ล้างให้สะอาด ใส่ในหม้อต้มกับน้ำปลาร้าจนสุก

- เผาหอม กระเทียม พริก แล้วปอกเปลือกหอมกระเทียม โขลกกับพริก

- แกะเนื้อปลาดุกอุย โขลกกับกระเทียม หอมแดง เติมน้ำปลาร้า ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว รับประทานคู่กับผักสด

อาหารไทย ภาคใต้

อาหารไทย มีความหลากหลายในรสชาติ อาหารในแต่ละภาค มีเอกลักษณ์ เป็นของตนเอง ความแตกต่างของอาหารนั้น
ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น สภาพแวดล้อม ทรัพยากรทางธรรมชาติ วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

อาหารไทยภาคใต้ อาหารของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงเหลือง แกงไตปลา เครื่องจิ้ม ก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าวเรียกว่า "ข้าวยำ" มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย ได้แก่ ปลา หอยนางรม และกุ้งมังกร เป็นต้น ผักที่ได้รับความนิยมเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้
คือ ฝักสะตอ มีลักษณะเป็นฝักยาว สีเขียวเวลารับประทานต้องปอกเปลือก แล้วแกะเม็ดออก ใช้ทั้งเม็ดหรือนำมาหั่น ปรุงอาหาร โดยใช้ผัดกับเนื้อสัตว์หรือใส่ในแกง นอกจากนี้ยังใช้ต้มกะทิรวมกับผักอื่นๆ หรือใช้เผาทั้งเปลือกให้สุก แล้วแกะเม็ดออก รับประทานกับน้ำพริกหรือจะใช้สดๆ โดยไม่ต้องเผาก็ได้ ถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ควรดองเก็บไว้

อาหารไทย ภาคใต้ แกงเหลือง

แกงเหลือง เป็นแกงส้มปักษ์ใต้สีเหลืองกลิ่นหอมของขมิ้น ใช้ขมิ้นสดโขลก รวมไปกับเครื่องแกงเพื่อช่วยดับกลิ่นคาว ช่วยรักษา ท้องเนื่องจากแกงเหลืองเป็นแกงสีส้มที่มีรสเผ็ดร้อนเป็นพิเศษ ปรุงรสเปรี้ยวจากส้มแขก มะนาว เผ็ดร้อนด้วยพริกขี้หนูแห้ง เค็มด้วยเกลือ และน้ำปลา
แกงเหลืองนิยมแกงกับผัก เช่น อ้อดิบ ยอดมะพร้าว มันขี้หนู มะละกอ หน่อไม้ แกงกับปลาทะเลที่มีเนื้อนุ่มมัน เช่น ปลาโอ ปลาอินทรี เครื่องแกงจะใส่พริกขี้หนูแห้งแตกต่างจากแกงส้มทั่วไป ซึ่งใช้พริกแห้งใส่ขมิ้น ใส่ตะไคร้ กระเทียม แกงจึงมีรสเข้มข้นของ
เครื่องแกงเป็นพิเศษ



เครื่องปรุง
1. เนื้อปลากกระพงขาวหั่นชิ้นหนา 1 1/2 ซม.
500 กรัม
2. หน่อไม้ดอง 500 กรัม
3. น้ำตาลปี๊ป น้ำมะนาว อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย
5. น้ำ 3 ถ้วย
เครื่องแกง
1. พริกขี้หนู พริกขี้หนูแห้ง อย่างละ 20 เม็ด
2. หอมแดงซอย 3 หัว
3. กระเทียม 2/3 กลีบ
4. ขมิ้นหั่นยาว 2 นิ้ว 1 ชิ้น
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
6. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด
2. ล้างเนื้อปลาใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ
3. ต้มหน่อไม้ดองให้หายขื่น ใส่กระชอน พักให้สะเด็ดน้ำ
4. ใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไปกลางให้เดือด ใส่น้ำมะขามเปียก พอเดือดใส่น้ำพริกแกงที่โขลก คนให้ละลาย เดือดอีกครั้ง ใส่หน่อไม้ดองที่ต้มแล้ว พอเดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อปลา ห้ามคน ต้มพอเนื้อปลาสุก
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำมะนาว เดือดอีกครั้ง ยกลง

http://www.geocities.com/chailuk_r/south.html

อาหารไทย ภาคใต้ ข้าวยำปักษ์ใต้

ข้าวยำปักษ์ใต้ อาหารจานเดียวแบบฉบับชาวใต้ ประกอบด้วยเครื่องเครามากมาย ตั้งแต่ข้าวสวย น้ำบูดูปรุงรส มะพร้าวขูดคั่ว กุ้งแห้งป่น ตะไคร้ซอย ใบมะกรูดซอย ถั่วงอก ดอกดาหลาหั่นฝอย ถั่วฝักยาวหั่นฝอย แตงกวาสับ พริกขี้หนูคั่วป่น มะนาวฝาน เวลารับประทานตักข้าวใส่จาน ใส่เครื่องเคราต่าง ๆ ตามชอบ ราดน้ำบูดู คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ข้าวสวยสำหรับทำข้าวยำปักษ์ใต้ มีทั้งหุงข้าวธรรมดา หุงด้วยใบยอหรือน้ำดอก อัญชัน ข้าวสวยจะมีสีเทาหรือคล้ำ กลิ่นหอมน่ารับประทาน น้ำบูดู หรือน้ำเคย มีด้วยกัน 2 ชนิด คือทำจากกุ้งและทำจากปลาเล็ก โดยหมักกับเกลือ ใส่โอ่งหรือไห หมักตากแดดเป็นปี น้ำบูดูชนิดหวานใช้ปรุงเป็นน้ำยำปักษ์ใต้ ส่วนน้ำบูดูเค็ม ใช้ทำน้ำพริกเครื่องจิ้มชนิดต่าง ๆ

เครื่องปรุง
1. ข้าวสวย กุ้งแห้งป่น อย่างละ
1 ถ้วย
2. มะพร้าวขูดคั่ว 1 ถ้วย
3. ตะไคร้ซอย 3 ต้น
4. ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 1 ถ้วย
5. ถั่วงอกเด็ดหาง 1 ถ้วย
6. มะนาวผ่าซีก 1 ลูก
7. ใบมะกรูดอ่อนซอย 1/2 ถ้วย
8. พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 1/4 ถ้วย
9. ส้มโอแกะเนื้อ 1 ถ้วย
น้ำบูดู
1. น้ำบูดู 1/2 ถ้วย
2. ปลาอินทรีเค็ม 1 ชิ้น
3. หอมแดงทุบพอแตก 4 หัว
4. ข่ายาว 1 นิ้ว ทุบพอแตก 1 ชิ้น
5. ตะไคร้หั่นท่อนสั้น 3 ต้น
6. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
7. น้ำตาลปี๊ป 1 ถ้วย
8. น้ำ 1 1/2 ถ้วย


วิธีทำ
1. ทำน้ำบูดูโดยใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงในหม้อเคลือบ ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน เคี่ยวจนมีลักษณะข้น ยกลงกรองเอาแต่น้ำบูดู
2. เวลารับประทาน จัดข้าวสวยใส่จาน ใส่มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง ส้มโอ พริกป่น และผักทั้งหมด อย่างละเล็กละน้อย เคล้าอีกครั้ง รับประทานทันที

ข้อมูลจาก http://www.geocities.com/chailuk_r/sk12.html

อาหารไทย ภาคใต้ แกงไตปลา

แกงไตปลา เป็นแกงน้ำข้นรสเผ็ดร้อน และเค็ม สีคล้ำอบเหลืองของขมิ้น ไตปลาเป็นการนำเอาตับ ไต กระเพาะ หัวใจของปลาทู หรือปลาอื่น ๆ มาหมักกับเกลือ จนมีกลิ่นหอม รสเค็ม ไตปลามี 2 ชนิด คือไตปลาเนื้อกับไตปลาน้ำ ไตปลาเนื้อจะแกงได้กลิ่นหอมกว่าไตปลาน้ำ
แกงไตปลามี 2 ชนิด คือ แกงไตปลาแบบข้นรับประทานเป็นเครื่องจิ้มกับผักเหนาะ เช่น สะตอ ถั่วฝักยาว ลูกเนียง ลูกเหรียง มะเขือ ยอกกระถิน ฯลฯ แกงไตปลาชนิดแกงที่ใส่ผักลงไปแกงด้วย เช่น หน่อไม้ ถั่วฝักยาว ฟักทอง มันเทศ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มะเขือเปราะ มะเขือพวง ฯลฯ และใส่เนื้อปลาย่าง เช่น ปลาโอ ปลาอินทรี ปลาทู เป็นต้น แกงไตปลา ยังมีแบบใส่กระทิแทนน้ำด้วย แกงจะมีรสชาตินุ่มนวล มันและหวานขึ้น

เครื่องปรุง
1. ปลาทูย่างแกะเอาแต่เนื้อ
4 ตัว
2. มะพร้าวขูด 500 กรัม
3. ไตปลาดิบ 200 กรัม
4. ใบมะกรูดซอย 5 ใบ
5. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉลียง 6 เม็ด
6. ส้มแขก 4 ชิ้น
7. น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำ 5 ถ้วย
9. ผักเหนาะ เช่น ถั่วฝักยาว เม็ดสะตอ ถั่วพลู แตงกวา มะเขือต่าง ๆ
เครื่องแกง
1. พริกขี้หนูแห้ง 35-40 เม็ด
2. หอมแดงซอย 5 หัว
3. กระเทียมกลีบใหญ่ 10 กลีบ
4. ข่าหั่นละเอียด ขมิ้นสด กะปิ อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
5. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. ผิวมะกรูด พริกไทยป่น อย่างละ 1 ช้อนชา


วิธีทำ
1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด
2. คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 1 ถ้วย คั้นให้ได้หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วย
3. ต้มไตปลาดิบกับน้ำด้วยไฟกลางพอเดือดสักครู่ ยกลงกรองเอาแต่น้ำตั้งไฟต่อ เดือดอีกครั้ง ใส่น้ำพริกที่โขลก ต้มให้เดือด ใส่เนื้อปลาทู ส้มแขก น้ำตาล ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า ชิมรสให้ออกรสเค็มเล็กน้อย เทหัวกะทิ พอเดือดอีกครั้งยกลง
4. ตักใส่ถ้วย รับประทานกับผักเหนาะ


ข้อมูลจาก

http://www.geocities.com/chailuk_r/sk13.html

อาหารไทย ภาคใต้ เคยคั่ว

เคยคั่ว เป็นน้ำพริกเครื่องจิ้มของชาวปักษ์ใต้ มีเคยเป็นเครื่องปรุงสำคัญ เคยก็คือ กะปิ ซึ่งทำมาจาก "ตัวเคย" หรือ "กุ้งเคย" เป็นกุ้งตัวฝอย ๆ กะปิจะมีสีม่วงสวย มีตุดดำ ๆ ของตาเคย กลิ่นหอม รสเค็มเตือรสหวาน การทำเคยคั่ว เริ่มด้วยการเคี่ยวกะทิ ใส่เคยและเครื่องน้ำพริกโขลกลงคั่ว รวมกันจนข้น ปรุงรสด้วยน้ำตาลให้ออกหวาน รสเค็มนั้นได้จากเคย ใส่ใบมะกรูดเพิ่มกลิ่นหอม รับประทานกับผักสดชนิดต่าง ๆ เคยคั่ว เป็นน้ำพริกชาวใต้ ที่โดดเด่นอีกชนิดหนึ่ง นิยมทำกินกันในครัวเรือนเป็นอาหารประจำ นิยมทำกินกันมากที่จังหวัดชุมพร ปัตตานี สงขลา


เครื่องปรุง
1. เคย
1 1/2 ช้อนโต๊ะ
2. มะพร้าวขูด 200 กรัม
3. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ผักเหนาะ เช่น หัวปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว ใบบัวบก เม็ดสะตอ มะเขือต่าง ๆ
เครื่องแกง
1. พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด
2. หอมแดงซอย 3 หัว
3. กระเทียม 1 หัว
4. ข่าหั่นละเอียด 4 แว่น
5. ตะไคร้หั่นฝอย 2 ต้น
6. ขมิ้นหั่นท่อนยาว 2 ซม. 1 ชิ้น
7. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่เคยโขลกให้เข้ากันกับพริกแกง
2. คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 1/2 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 3/4 ถ้วย
3. ใส่กะทิลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่เครื่องที่โขลก คนให้ละลาย
4. ปรุงรสด้วยน้ำตาล เคี่ยวจนกระทิแตกมันและข้น ใส่ใบมะกรูด เดือดอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย รับประทานกับผักเหนาะ

หมายเหตุ เคย หมายถึง กะปิทางภาคใต้ที่หมักจากตัวเคย ซึ่งเป็นสัตว์น้ำตัว เล็ก ๆ คล้ายกุ้ง แต่มีตาโต


ข้อมูลจาก http://www.geocities.com/chailuk_r/sk14.html

อาหารไทย ภาคอีสาน

อาหารไทย มีความหลากหลายในรสชาติ อาหารในแต่ละภาค มีเอกลักษณ์ เป็นของตนเอง ความแตกต่างของอาหารนั้น
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น สภาพแวดล้อม ทรัพยากรทางธรรมชาติ วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน อาหารจะมีข้าวเหนียวนึ่งเป็นหลักเช่นเดียวกับภาคเหนือ รับประทานกับ ลาบไก่ หมู เนื้อ หรือ ลาบเลือด ส้มตำ ปลาย่าง ไก่ย่าง จิ้มแจ่ว ปลาร้า อาหารภาคนี้จะนิยมปิ้ง หรือย่างมากกว่าทอด อาหารทุกชนิด ต้องรสจัด เนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงอาหาร ได้แก่ สัตว์ที่ชาวบ้านหามาได้ เช่น กบ เขียด แย้ งู หนูนา มดแดง แมลง บางชนิด ส่วนเนื้อหมู วัว ไก่ และเนื้อสัตว์อื่น ๆ ก็นิยมตามความชอบ และฐานะ สำหรับอาหารทะเลใช้ปรุงอาหาร น้อยที่สุด เพราะนอกจากจะหายากแล้ว ยังมีราคาแพงอีกด้วย อาหารภาคอีสานมักมีรสเผ็ดกลบรสจัดอื่นๆ ซึ่งมักเป็นรสเปรี้ยว และเค็ม อาหารที่นิยมกันมากที่สุด คือ "ส้มตำ" ที่มีครบทั้งสี่รส รับประทานกับข้าวเหนียว

อาหารไทย ภาคอีสาน ไส้กรอกอีสาน

ไส้กรอกอีสาน เป็นอาหารที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ทำโดยนำเอาหมูบดมาผสมกับเกลือ กระเทียมสับหยาบ เคล้ากับข้าเหนียวนึ่ง กรอกลงในไส้หมู ผูกเป็นข้อ ๆ แขวนผึ่งลมไว้ เมื่อหมักไว้จะเกิดรสเปรี้ยว เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ย่อยเนื้อสัตว์ทำให้เกิดกรดแลกติก จึงเกิดรส เปรี้ยวขึ้น ยิ่งถ้าหมักไว้หลายวันจะเกิดรสเปรี้ยวมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นเมื่อมีรสเปรี้ยวแล้วจึงควรเก็บไว้ในตู้เย็น ไส้กรอกอีสานทำให้สุกด้วยวิธีการทอด ปิ้ง คั่ว รับประทานกับถั่วทอด ต้นหอม พริกขี้หนูสด ขิงดอง หรือพริกขี้หนูแห้งทอด



เครื่องปรุง

1. เนื้อหมูขาหลัง 1 กิโลกรัม
2. ไส้หมูไส้เล็ก
500 กรัม
3. ข้าวเหนียวนึ่ง 1 ถ้วย
4. กระเทียม
100 กรัม
5. เกลือป่น
2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างทำความสะอาดไส้ โดยดึงเอาเยื่อไขมันที่หุ้มไส้ออกให้หมด กลับเอาไส้ด้านในออก ล้างให้สะอาด ใช้ช้อนสังกะสีหรือมีดเล็กค่อย ๆ ขูดเอาเมือกออกให้หมดอย่าให้ไส้ขาด ล้างน้ำให้สะอาด เคล้าเกลือ 1 ช้อนโต๊ะให้ทั่วล้างน้ำอีกครั้งให้สะอาด กลับไส้เหมือนเดิม
2. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง หั้นเป็นชิ้นเล็ก บดเนื้อหมูรวมกับเกลือที่เหลือและกระเทียมให้ละเอียด ใส่ลงในอ่างผสมใส่ข้าวเหนียวนึ่งนวดให้เข้ากัน
3. มัดปลายไส้ด้านหนึ่งด้วยเชือก ค่อย ๆ กรอกส่วนผสมใส่ไส้ มัดเป็นท่อน ยาวประมาณ 2 นิ้ว ทำจนหมดส่วนผสม นำไปผึ่งแดดไว้ 2 วัน ไส้กรอก จะมีรสเปรี้ยว เก็บใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น เช่ไว้ในตู้เย็น ไส้กรอกก็จะไม่เปรี้ยวอีก
4. วิธีรับประทาน ใช้ไม้แหลมจิ้มไส้กรอกเพื่อไล่อากาศ ทอดหรือย่างด้วยไฟกลาง รับประทานกับพริกขี้หนูสด ขิงอ่อน กระเทียม ถั่วลิสงทอด และต้นหอม



ข้อมูลจาก http://www.geocities.com/chailuk_r/enk11.html

อาหารไทย ภาคอีสาน ต้มแซบ

ต้มแซบ เป็นการนำเอาเนื้อวัวและเครื่องในวัวต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งม้าม ปอด ตับ ผ้าขี้ริ้ว ไส้อ่อน คันนา มาต้มเปื่อยรวมกันในหม้อใหญ่ ใส่เครื่องเทศและผักสมุนไพร ดับกลิ่นคาว ทำให้ต้มแซบมีกลิ่นหอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือป่น ใช้เวลาต้มนานหลายชั่วโมง เมื่อจะกินจึงตักต้มแซบใส่ชาม โรยด้วยต้นหอมซอย ผักชีฝรั่งหั่นฝอย ปรุงรสเพิ่มด้วยพริกป่น น้ำมะนาว น้ำปลา กินกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็ได้ ต้มแซบเป็นอาหารยอดนิยมทางภาคอีสานประเภทต้มเปื่อย จึงมีร้านอาหารที่ขายเฉพาะต้มแซบตามตลาดสดยามเช้า ซึ่งจะมีต้มแซบหม้อใหญ่ตัดขายกันเป็นประจำ ปัจจุบันนี้มีต้มแซบที่ใช้เนื้อหมูและเครื่องในหมูด้วย

เครื่องปรุง

1. ตับวัว ไส้อ่อน คันนา อย่างละ
100 กรัม
2. ผ้าขี้ริ้ว 150 กรัม
3. ปอด ม้าม อย่างละ 100 กรัม
4. พริกกะเหรี่ยง 100 กรัม
5. ต้นหอมซอย ผักชีฝรั่งซอย อย่างละ 2 ต้น
6. ตะไคร้ทุบหั่นท่อนสั้น 3 ต้น
7. ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
8. ข่าหั่นแว่น 6 แว่น
9. น้ำปลา น้ำมะนาว อย่างละ 1/4 ถ้วย
10. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
11. พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
12.. น้ำ 3 ถ้วย


วิธีทำ
1. ล้างเครื่องในให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ
2. ต้มน้ำ 5 ถ้วย ให้เดือดด้วยไฟกลาง ใส่ข่าทุบ 1 แท่ง ตะไคร้ทุบหั่นท่อน 3 ต้น ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ เกลือป่น 1 ช้อนชา พอเดือดอีกครั้ง ใส่เครื่องในวัวทั้งหมด ยกเว้นตับ ต้มเคี่ยวจนเครื่องในเปื่อยนุ่ม ปิดไฟ
3. ต้มน้ำ 3 ถ้วย ให้เดือดด้วยไฟกลางใส่น้ำต้มเครื่องใน 1 ถ้วย ใส่ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด เกลือ พอเดิอดอีกครั้ง ใส่เครื่องในวัวต้ม ต้มสักครู่ ทุบพริกกะเหรี่ยงใส่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ปิดไฟ ยกลง
4. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว พริกป่น คนให้เข้ากัน ตักใส่หม้อดิน โรยต้นหอม ผักชีฝรั่ง รับประทานร้อน ๆ


ข้อมูลจาก http://www.geocities.com/chailuk_r/enk12.html

อาหารไทย ภาคอีสาน แจ่วฮ้อน

แจ่วฮ้อน เป็นอาหารอีสานประเภทลวกที่ต้องนำเนื้อดิบไปลวกในน้ำซุปเดือด จิ้มน้ำจิ้มรสจัดซึ่งก็มีหลายรสให้เลือกตามความชอบของแต่ละคน น้ำซุปต้มเดือดค่อนข้างพิเศษ เพราะใส่ข้าวคั่ว น้ำปลา ข่าโขลก ตะไคร้โขลก ใบมะกรูดโขลก ทำให้น้ำซุปมีกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม ส่วนเนื้อวัวนิยมใช้เนื้อสันคอ เนื้อน่องลาย (เนื้อเอ็นแก้ว) ตับ ผ้าขี้ริ้ว หัวใจ หั่นให้เป็นชิ้นบางขนาดพอคำ จัดใส่จาน ต่อยไข่ใส่ ในจานผักมีวุ้นเส้น ผักกาดขาว กะหล่ำปลีหั่นพอคำ ผักบุ้งจีน โหระพา เมื่อน้ำซุปเดือดก็ให้ลวกเนื้อแค่พอสุก เนื้อจะเปื่อยนุ่ม รสหวานอร่อย กินแนมกับผักลวก วุ้นเส้นลวก และข้าวเหนียวนึ่ง เป็นอาหารยอดนิยมตามร้านอาหารอีสานเช่นกัน

เครื่องปรุง

1. เนื้อวัวสันคอ
100 กรัม
2. โหระพา 5 กิ่ง
3. เนื้อเอ็นแก้ว ตับ อย่างละ 100 กรัม
4. ผ้าขี้ริ้ว หัวใจ อย่างละ 100 กรัม
5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
6. น้ำซุป 4 ถ้วย
7. วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่มตัดท่อนสั้น 1 ถ้วย
8. กะหล่ำปลี 1/2 หัว
9. ผักบุ้งจีน 10 ต้น
10. ผักกาดขาวแกะเป็นกาบ 1 ต้น
11. ใบมะกรูด 5 ใบ
12. ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
13. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำจิ้ม
1. พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 3 ช้อนโต๊ะ
2. ใบมะกรูดซอย ข้าวคั่วป่น อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำปลา น้ำมะนาว อย่างละ 1/4 ถ้วย


วิธีทำ
1. น้ำจิ้มทำโดยผสมน้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่นเข้าด้วยกัน เมื่อจะรับประทานจึงใส่ข้าวคั่วและใบมะกรูด
2. ล้างเนื้อวัว ตับ เอ็นแก้ว หัวใจ และผ้าขี้ริ้วให้สะอาด หั่นชิ้นบางขนาดพอคำ จัดใส่จาน ต่อยไข่ใส่
3. ล้างผักทั้งหมดให้สะอาด หั่นชิ้นขนาดพอคำ จัดใส่จาน จัดวุ้นเส้นวางข้าง ๆ พักไว้
4. ต้มน้ำซุปให้เดือด ใส่ข้าวคั่ว น้ำปลา พอเดือดอีกครั้ง โขลกข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่ลงในหม้อน้ำซุป คนให้เข้ากัน เทใส่หม้อดิน ตั้งไฟให้เดือดตลอดเวลา
5. เมื่อจะรับประทาน ลวกผัก วุ้นเส้น เครื่องในวัวและเนื้อวัวในน้ำซุปพอสุก ตักใส่ถ้วยพร้อมน้ำซุปรับประทานกับน้ำจิ้ม



ข้อมูลจาก http://www.geocities.com/chailuk_r/enk13.html

อาหารไทย ภาคอีสาน อ่อมไก่

อ่อมไก่ เป็นอาหารที่เด่นที่สุดในบรรดาจานอ่อมทั้งหลาย อ่อมเป็นการนำเอาเนื้อสัตว์แต่ละชนิดมาแกงแบบน้ำขลุกขลิกกับผักต่าง ๆ ใส่เครื่องปรุงเฉพาะ ได้แก่ พริกขี้หนูสด ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม หอมแดง อ่อมเป็นอาหารที่เน้นการใช้ผักหลายชนิดหลายชนิดตามฤดูกาลเป็นหลัก มีเนื้อสัตว์เพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น รสชาติของแกงอ่อมจึงออกรสหวาน จากผักต่าง ๆ รสเผ็ดของพริก กลิ่นหอมของเครื่องและผักชีลาว นอกจากอ่อมไก่แล้วยังมีอ่อมน้องวัว (รกวัว) อ่อมเนื้อวัว อ่อมปลาดุก อ่อมฮวก (ลูกอ๊อด) อ่อมหอย อ่อมกบ อ่อมเขียด อ่อมนก อ่อมปลาไหล เป็นต้น


เครื่องปรุง
1. ไก่บ้าน น้ำหนัก 1 กิโลกรัม 1 ตัว
2. ผักชีลาวเด็ด 3 ถ้วย
3. ต้นหอมหั่นท่อนสั้น 5 ต้น
4. ผักกวางตุ้งหั่นท่อนสั้น 200 กรัม
5. มะเขือเปราะผ่าสี่ 10 ลูก
6. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
7. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำ 4 ถ้วย
เครื่องแกง
1. พริกขี้หนูสดสีแดง 25 เม็ด
2. ตะไคร้ซอย 3 ต้น
3. ใบมะกรูดฉีก 7 ใบ
4. หอมแดงซอย 5 หัว
5. กระเทียมแกะเปลือก 10 กลีบ
6. กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. น้ำพริกแกงทำโดยโขลกตะไคร้ พริกขี้หนู ใบมะกรุดเข้าด้วยกันหยาบ ๆ ใส่หอมแดง กระเทียม โขลกต่อเข้าด้วยกันพอแหลก ใส่กะปิโขลกให้ เข้ากัน
2. ล้างไก่ ควักเอาปอดและเลือดที่ติดซี่โครงด้านในออก ล้างอีกครั้ง สับเป็นชิ้นใหญ่ พักให้สะเด็ดน้ำ
3. ตั้งกระทะบนไฟกลางให้ร้อน ใส่น้ำพริกแกงที่โขลกลงผัดให้หอม ใส่ น้ำ 1/2 ถ้วย ใส่ไก่ลงผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ น้ำปลาร้า ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำที่เหลือ เทใส่หม้อ ตั้งไฟกลางให้เดือด
4. ใส่ผักทุกชนิด กดให้ผักจมน้ำแกง พอเดือดอีกครั้ง และผักสุก ยกลง
5. ตักใส่ชาม รับประทานร้อน ๆ




อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสง
โรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ประเทศไทย(Thailand)


วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อาหารภาคกลาง ข้าวคลุกกะปิ


ข้าวคลุกกะปิ



ข้าวคลุกกะปิ เป็นอาหารจานเดียวของภาคกลางที่นำเอาข้าวก้นหม้อ หรือข้าวค้างคืนมาคลุกกับกะปิดีในครัว แล้วนำไปผัดให้หอม เคล้ากับกุ้งแห้งอย่างดี จนได้รสชาติกลมกล่อม จากนั้นก็รับประทานกับเครื่องเคียงที่สำคัญคือ มะม่วงดิบซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูซอย โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย เครื่องแนมที่ขาดไม่ได้เลยคือ หมูหวาน ข้าวคลุกกะปิถือเป็นอาหารของคนโบราณที่ประยุกต์เอาข้าวก้นหม้อของเหลือในครัวมาใช้
เครื่องปรุง
ข้าวสวย 6 ถ้วย
กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
หมูหวาน 2 ถ้วย
ไข่ฝอย 2 ฟอง
กุ้งแห้งทอด 1/2 ถ้วย
มะม่วงซอย 1/2 ถ้วย
พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 1/2 ถ้วย
หอมแดงสับละเอียด3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
หมูหวาน
1. เนื้อหมูติดมันหรือหมูสามชั้น 350 กรัม
2. หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาลปี๊ป 1/2 ถ้วย
4. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิืธีทำ

1. ทำหมูหวานโดยล้างเนื้อหมูทั้งชิ้นให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พักให้สะเด็ดน้ำ เจียวหอมแดงกับน้ำมันให้หอม ใส่น้ำตาล น้ำปลา น้ำ เคี่ยวพอข้นเหนียว ใส่เนื้อหมูลงผัดพอสุก ลดไฟอ่อน เคี่ยวจนเครื่องเข้าเนื้อ น้ำงวด ยกลง

2. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อนด้วยไฟกลาง ใส่หอมแดงสับลงเจียวพอหอม ใส่กะปิลงไปผัดให้หอม ใส่น้ำตาล น้ำปลาผัดให้เข้ากัน ชิมดู ให้รสออกเค็มหวานกลมกล่อม ตักใส่อ่างผสมใส่ข้าวสวย คลุกให้เข้ากันจนทั่ว

3. เมื่อจะรับประทาน จัดข้าวคลุกกะปิใส่จาน วางไข่ฝอย หมูหวาน กุ้งแห้งทอด มะม่วง พริกขี้หนูและหอมแดง อย่าง ละเล็กละน้อยใส่รอบ ๆ ข้าว บีบมะนาว คลุกให้เข้ากัน รับประทาน ทันที


อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสงโรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประเทศไทย(Thailand)

อาหารภาคกลาง น้ำพริกลงเรือ

น้ำพริกลงเรือ


น้ำพริกลงเรือ - หมูหวาน เป็นน้ำพริกผัดที่กินกับเครื่องกินแนมและผักสดค่อนข้างมาก เป็นน้ำพริกที่เกิดขึ้นจากเจ้านายในสมัยก่อนเสด็จประพาสทางเรือ จึงต้องเสวยอาหารในเรือ ต้นเครื่องจึงคิดเอาน้ำพริกกะปิมาผัดกับเครื่องปรุงต่าง ๆ เพื่อทำให้น้ำพริกเก็บได้นานหลายวันโดยไม้เสีย พร้อมกับเป็นอาหารที่ใช้ความประณีตบรรจงในการทำเครื่องเคียง ทั้งปลาดุกฟู หมูหวาน และแกะสลักผักสดอย่างวิจิตรสวยงาม
เครื่องปรุง
1. พริกขี้หนูสวนเขียว แดง
20 เม็ด
2. หมูหวาน 1/2 ถ้วย
3. น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
4. กุ้งแห้งป่น1/3 ถ้วย
5. มะดันซอย 2 ถ้วย
6. ระกำฝานเอาแต่เนื้อ 2 ลูก
7. กระเทียม 10 กลีบ
8. น้ำตาลปี๊ป 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันพืช2 ช้อนโต๊ะ
10. กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
11. มะอึกหั่นบาง 2 ลูก
12. ผักสด เช่น แตงกวา มะเขือเปราะ ถั่วพู

เครื่องเคียง เช่น ปลาดุกฟู ไข่เค็มนึ่ง หมูหวาน
ปลาดุกฟู
1. ปลาดุก น้ำหนัก 500 กรัม 1 ตัว
2. น้ำมันสำหรับทอด 3 ถ้วย

วิธีทำ

1. ทำปลาดุกฟูโดยผ่าท้องปลา ควักไส้ออก ล้างให้หมดเมือก นำไปย่างไฟกลางให้สุกแห้ง แกะเอาแต่เนื้อ ใช้ส้อมยีให้ขึ้นฟู ผึ่งให้หมาด ทอดในน้ำมันร้อน ไฟกลาง ให้เหลืองฟู ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน

2. โขลกกระเทียม กะปิ เข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่มะดัน ระกำ มะอึก โขลกให้เข้ากัน ใส่พริกขี้หนูบุบพอแตก ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำมะนาว

3. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่เครื่องที่โขลกลงผัดให้เข้ากัน ใส่หมูหวาน กุ้งแห้งป่น ผัดให้เข้ากัน ชิมรสให้ได้ 3 รส

4. ตักน้ำพริกใส่ถ้วย รับประทานกับผักสดและเครื่องเคียง


อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสงโรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประเทศไทย(Thailand)

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อาหารภาคกลาง ข้าวแซ่

ข้าวแซ่



ข้าวแช่ อาหารไทยที่แสดงถึงความประณึตบรรจงและความชาญฉลาดของคนโบราณ ซึ่งเอาข้าวสวยที่หุงมาล้างใส่น้ำดอกไม้กลิ่นหอมเย็น ๆ กินกับกับที่ขาดไม่ได้คือ กะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ เนื้อฝอย หัวไชโป๊หวาน และผักสดหลายอย่าง เช่น กระชาย มะม่วงดิบ แตงกวา ต้นหอม พริกชี้ฟ้าแดง ข้าวแช่ถือเป็นอาหารที่มีวัฒนธรรมที่มีฤดูกาลกินเป็นพิเศษ คือจะกินหน้าร้อน เพราะข้าวแช่กินกันเฉพาะในตอนกลางวันเป็นอาหารเที่ยงเท่านั้น

เครื่องปรุง
1. ข้าวสารข้าวจ้าว 2 ถ้วย
2. พริกหยวกสอดไส้ 10 เม็ด
3. กะปิทอด 20 ลูก
4. หมูฝอย 2 ถ้วย
5. ไชโป๊หวาน 1 ถ้วย
6. น้ำลอยดอกไม้สดแช่เย็น 6 ถ้วย
7. เทียนอบ ดอกกุหลาบมอญ ดอกมะลิ น้ำแข็ง ผักสด เช่น แตงกวา กระชาย มะม่วงเปรี้ยว ต้นหอม พริกชี้ฟ้าแดง
วิธีทำ
1. ทำข้าวสวยขัดโดยซาวข้าวสารเทน้ำทิ้ง ใส่หม้อ ใส่น้ำให้ท่วมเมล็ดข้าว ตั้งไฟกลางให้เดือด พอเมล็ดข้าวสุกแต่ไม่บาน ยกลง รินน้ำข้าวออก นำไปใส่ตะแกรงตาถี่ ๆ และเปิดน้ำให้ไหลผ่าน พร้อมกับใช้มือถูเบา ๆ ไปมา ขัดจนเมล็ดข้าวหมดเมือก สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ห่อด้วยผ้าขาวบางไว้
2. วิธีจัดเสริฟ ตักข้าวสวยขัดใส่ถ้วย ใส่น้ำลอยดอกไม้สดที่อบควันเทียน โรยกลีบกุหลาบ ดอกมะลิ จัดพริกหยวกสอดไส้ หมูฝอย ไชโป๊หวาน กะปิทอด ใส่จาน จัดผักสดใส่จาน รับประทานพร้อมกันหมายเหตุ พริกหยวกสอดไส้ ใช้กุ้งและหมูบดเคล้ากับรากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลก ไข่เป็ด น้ำปลาให้เข้ากัน ยัดใส่ในพริกหยวก นึ่งสุกห่อไข่แพ กะปิทอด โขลกเนื้อปลาสลาดกับตะไคร้ ข่า กระชาย หอมแดง เนื้อมะพร้าวขูดที่คั้นกะทิแล้ว กะปิจนเข้ากัน ผัดกับน้ำมัน ใส่กะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ผัดจนปั้นได้ ปั้นเป็นก้อน แล้วชุบแป้งทอด เนื้อหรือหมูฝอย ผัดเนื้อหรือหมูเค็มนึ่งฉีกฝอยทอดกับน้ำตาลจนขึ้นเงา ไชโป๊หวาน ผัดไชโป๊หั่นเส้นกับน้ำตาล น้ำมัน จนขึ้นเงาจับเส้นไชโป๊

อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสงโรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประเทศไทย(Thailand)

อาหารภาคกลาง ขนมจีนน้ำพริก

ขนมจีนน้ำพริก


ขนมจีนน้ำพริก เป็นขนมจีนภาคกลางโดยเฉพาะ น้ำพริก คือ น้ำที่ราดมีความเข้มข้น มีรสหวานนำ ตามด้วยรสเปรี้ยว เค็ม มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษจากน้ำมะกรูด ผิวมะกรูด ข้นด้วยถั่วเขียวเราะเปลือก(ถั่วทอง) และเนื้อกุ้งสับ มันด้วยน้ำกระทิ แดงด้วยพริกป่นผัดน้ำมัน ขนมจีนกินกับผักที่มากมาย ทั้งผักซุบแป้งทอด ผักผัดน้ำมันและผักสด กินกับพริกแห้งทอดกรอบ
เครื่องปรุง
1. ขนมจีน 40 จับ
2. กุ้งชีแฮแกะเปลือก 500 กรัม
3. กะทิ 7 ถ้วย
4. ระกำฝานเอาแต่เนื้อ 2 ช้อนโต๊ะ
5. ถั่วเขียวเราะเปลือกคั่วป่น 1/2 ถ้วย
6. ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ 1/2 ถ้วย
7. ผักชีหั่นหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
8. หอมแดงเจียว กระเทียมเจียว อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
9. รากผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
10. พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 3 ช้อนโต๊ะ
11. มะกรูด 1 ลูก
12. น้ำส้มซ่า น้ำมะนาว อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
13. พริกขี้หนูแห้งทอดทั้งก้าน 1/4 ถ้วย
14. น้ำตาลปี๊ป น้ำปลา อย่างละ 1/4 ถ้วย
ผักสด เช่น หัวปลี ผักกระถินอ่อน ยอดกระถิน ผักกระเฉด ผักชุบแป้งทอด เช่น ดอกพวงชมพู ดอกเข็ม ใบเล็บครุฑ ใบผักบุ้ง ผักผัดน้ำมัน เช่น ก้านผักบุ้ง ถั่วพลู
วิธีทำ


1. ล้างมะกรูด ผ่าครี่งลูกตามขวาง คั้นเอาแต่น้ำ


2. ตั้งหม้อกะทิให้เดือด ช้อนหัวกะทิไว้ 2 ถ้วย ใส่กุ้งลงต้ม พอสุกตักขึ้น


3. โขลกพริกแห้งทอด หอมแดงและกระเทียมเจียว รากผักชีเข้าด้วยกัน ให้ละเอียด ใส่กุ้งต้มกับเนื้อระกำโขลกพอแหลก ผสมกับถั่วลิสงและถั่วเขียว ตักใส่หม้อกะทิ คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด


4. ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมะนาว น้ำมะกรูด น้ำส้มซ่า


5. เคี่ยวหัวกะทิที่แบ่งไว้ให้แตกมัน ใส่พริกป่น ผัดให้หอมและมี มันแดงลอยหน้า ตักใส่หม้อน้ำพริก ใส่ลูกมะกรูดที่คั้นน้ำแล้ว ผักชี คนพอทั่ว ยกลง


6. วิธีจัดเสริฟ จัดขนมจีนใส่จาน ราดด้วยน้ำพริก เสริฟกับผักสด ผักผัดน้ำมัน ผักที่ชุบแป้งทอด

อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสงโรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประเทศไทย(Thailand

อาหารภาคเหนือ น้ำพริดอ่อง




น้ำพริกอ่อง

น้ำพริกอ่อง คือ น้ำพริกทางเหนือประเภทผัดที่ข้นด้วยเนื้อหมูสับปนมันเล็กน้อยกับเนื้อมะเขือส้มลูกเล็ก ตำรับโบราณจะใส่ถั่วเน่าด้วย จึงมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ ถั่วเน่าเป็นเครื่องปรุงอาหารเหนือที่นิยมใส่ในอาหารแทนกะปิ น้ำพริกอ่อง มีสีแดงส้มจากสีของพริกแห้งและมะเขือส้ม มีน้ำมันสีแดงลอยหน้า รสเปรี้ยว หวาน เค็ม กลมกล่อม กินคู่กับแคบหมูและผักสดตามชอบ โดยเฉพาะแตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ จะเข้ากันได้อย่างดี นับเป็นอาหารยอดนิยมอีกจานหนึ่ง ที่แพร่หลาย อยู่ใน กรุงเทพฯ


เครื่องปรุง
1. พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
2. เนื้อหมูติดมันบด 3 ช้อนโต๊ะ
3. มะเขือส้ม 1 ถ้วย
4. ผักชีเด็ดเป็นใบ 1 ต้น
5. หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
6. กระเทียมซอย 5 กลีบ
7. กระเทียมสับ 3 กลีบ
8. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือป่น 1 ช้อนชา
10,ถั่วเน่าชนิดแผ่นปิ้งไฟให้หอม 1 แผ่น
11.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กระถิน ถั่วพูผักต้ม เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือ ผักบุ้ง หัวปลี ยอดแค ฟักทอง


วิธีทำ
1. โขลกพริกแห้ง ตะไคร้ เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่หอมแดง กระเทียมซอยและถั่วเน่า โขลกต่อให้เข้ากัน ใส่หมูบดโขลกให้เข้ากัน ใส่มะเขือส้มโขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลาง ใส่กระเทียมสับ เจียวให้หอม ใส่พริกที่โขลกลงผัดให้หอม ลดไฟให้อ่อน ผัดพอแห้งน้ำขลุกขลิก
3. ตักใส่ถ้วย โรยใบผักชี รับประทานกับผักสดและผักต้ม


อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสงโรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประเทศไทย(Thailand)

อาหารภาคเหนือ ขนมจีนน้ำเงี้ยว



ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นขนมจีนภาคเหนือที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวไทยใหญ่ น้ำแกงมีน้ำมันสีแดงลอยหน้า ข้นจากเนื้อหมูสับ ซี่โครงหมูสับชิ้นเล็ก ๆ และเลือดหมู หั่นชิ้นเล็ก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือดอกงิ้ว ซึ่งเป็นดอกนุ่นที่ตากแห้ง ถือเป็นเครี่องเทศพื้นบ้านกลิ่นหอม เวลากินต้องจัดเส้นขนมจีน ซึ่งคนเหนือเรียกว่า ขนมเส้น ใส่ถ้วยหรือชาม ตักน้ำแกงข้นด้วยชิ้นเนึ้อราดให้ท่วมเส้นขนมจีน โดยด้วยต้นหอมซอย ผักชีซอย กระเทียมเจียว กินกับถั่วงอกสด ผักกาดดองหั่นฝอย แคบหมู และพริกขี้หนูทอดกรอบ
เครื่องปรุง
1. ขนมจีน 15 จับ
2. เกลือป่น 1 ช้อนชา
3. เนื้อหมู / เนื้อวัว สับละเอียด อย่างละ 250 กรัม
4. เลือดหมูสับเป็นท่อน 200 กรัม
5. มะเขือส้ม 300 กรัม
6. เลือดหมูก้อนหั่นชิ้นเล็ก 3 ก้อน
7. ดอกงิ้ว 5 ดอก
8. ต้นหอมซอย ผักชีซอย อย่างละ 1/4 ถ้วย
9. เต้าเจี้ยวดำโขลกละเอียด 2 ช้อนโต็ะ
10.น้ำ 8 ถ้วย
11.น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
12.เครื่องเคียง เช่น ถั่วงอก ผักกาดดองกระทียมเจียวพริกขี้หนูแห้งทอด มะนาว
เครื่องแกง
1. พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ3 เม็ด
2. หอมแดงซอย 3 หัว
3. กระเทียมซอย 1 หัว
4. ข่าและรากผักชีหั่นละเอียด อย่างละ 1 ช้อนชา
5. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. ขมิ้นยาว 1 ซม. 1 ชิ้น
7. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
8. ถั่วเน่าชนิดแผ่นปิ้งไฟให้หอม 1/2 แผ่น

วิธีทำ
1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่เต้าเจียวโขลกต่อให้เข้ากัน และใส่มะเขือส้มบุบพอแตก
2. แช่ซี่โครงหมูในน้ำ 7 1/2 ถ้วย เพื่อให้น้ำเลือดที่มีรสหวานออกมา
3. ผัดน้ำพริกแกงที่โขลกให้หอม ใส่เนื้อหมูและเนื้อวัวผัดพอสุกใส่น้ำที่เหลือ ตักใส่หม้อซี่โครงหมู
4. ใส่เลือดหมูพร้อมกับฉีกดอกงิ้วใส่ เคี่ยวให้ซี่โครงหมูนุ่มใส่เกลือ
5. จัดขนมจีนใส่จาน ราดน้ำเงี้ยว โรยผักชี ต้นหอม รับประทาน กับเครื่องเคียง บีบมะนาวใส

อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสงโรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประเทศไทย(Thailand)

อาหารภาคเหนือ ข้าวซอย

ข้าวซอย



ข้าวซอย อาหารเหนือประเภทก๋วยเตี๋ยวที่ใช้เส้นข้าวซอย คือ เส้นที่ทำจากแป้งหมี่ผสมกับไข่ เส้นจึงมีสีเหลืองไข่ ลักษณะแบน เหนียวนุ่ม เมื่อลวกสุก น้ำแกงกะทิมีสีเหลืองนวลของขมิ้น รสเข้มกลมกล่อม และหวานมันจากกะทิ นิยมแกงกับเนื้อหรือไก่ เวลากินจะต้องจัดเส้นข้าวซอยลวกสุกใส่ชาม ตักน้ำแกงร้อน ๆ พร้อมเนื้อหรือไก่ราดบนเส้น โรยเส้นข้าวซอยทอดกรอบกินกับเครื่องเคียง เช่น หอมแดงหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ผักกาดดองหั่นฝอย พริกป่นผัดน้ำมัน และมะนาวผ่าซีก เป็นที่นิยมกินกันอย่างแพร่หลาย แม้ในกรุงเทพฯก็หากินได้ไม่ยากนัก


เครื่องปรุง
1. บะหมี่เส้นแบน(เส้นข้าวซอย)
25 ก้อน
2. เนื้ออกไก่หรือสะโพกไก่
1 กิโลกรัม
3. มะพร้าว
1 กิโลกรัม
4. ซีอิ้วขาว
1/4 ถ้วย
5. ซีอิ้วดำ
2 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือป่น
1/2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืชสำหรับทอด
2 ถ้วย
8. เครื่องเคียง เช่น ผักกาดดอง หอมแดง มะนาว พริกป่นผัดน้ำมัน
เครื่องแกง
1. พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดคั่ว
2 เม็ด
2. หอมแดงซอยคั่ว
9 หัว
3. ขิงซอยคั่ว
1 ช้อนโต๊ะ
4. ลูกผักชีคั่ว
2 ช้อนโต๊ะ
5. ชะโกลูกใหญ่แกะเปลือกคั่ว
3 ลูก
6. เกลือป่น
1 ช้อนชา
7. ขมิ้นซอยคั่ว
1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด

2. ล้างไก่ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ

3. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 3 ถ้วย กะทิ 7 ถ้วย

4. ใส่กะทิลงไปในหม้อ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่เกลือ ไก่ เคี่ยวให้แตกมันลอยหน้า ตักน้ำมันลอยหน้าออกมา 1/2 ถ้วย ใส่กระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำพริกแกง ผัดให้หอมและแตกมัน ตักใส่หม้อ ไก่เคี่ยวจนไก่เปื่อย ใส่หัวกะทิ คนให้เข้ากันปรุงรสด้วยซีอิ้วขาวซีอิ้วดำ

5. ลวกเส้นบะหมี่ 2-3 ก้อน ในน้ำเดือด ไฟแรง ให้สุกนุ่มเหนียว อีก 2 ก้อนที่เหลือทอดในน้ำมันร้อนให้เหลืองกรอบตักขึ้นให้ สะเด็ดน้ำมัน พอเย็นเก็บใส่หม้อ ปิดฝา หรือใส่ถุงพลาสติก

6. วิธีจัดเสริฟ จัดบะหมี่ลวกใส่ชาม ตักชิ้นไก่และราดน้ำแกงโรยหน้าด้วยบะหมี่ทอดกรอบ รับประทานกับเครื่องเคียง ถ้าชอบรสเปรี้ยวก็บีบมะนาวใส่


อ้างอิงข้อมูลบางส่วน ที่จัดทำโดยนายประเวช สว่างแสงโรงเรียนวัดบางเคียน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประเทศไทย(Thailand)

อาหารภาคเหนือ แกงอังเล

แกงฮังเล



แกงฮังเล เป็นอาหารเหนือประเภทน้ำแกงข้นขลุกขลิก คล้ายแกงมัสมั่น แต่ไม่ใส่กะทิ น้ำแกงมีมันสีแดงส้มลอยหน้า มี 3 รส คือ เปรี้ยว เค็ม หวาน ใส่เนื้อหมูสันนอกและเนื้อหมูสามชั้นที่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เป็นเครื่องปรุงหลัก ใส่ขิงอ่อนซอย กระเทียมเป็นกลีบ เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม บางตำรับ ใส่กระท้อนหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม บางตำรับใส่สับปะรดหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลงไปด้วย แกงฮังเลมีต้นตำรับมาจากพม่า ซึ่งเดิมจะกินคู่กับกล้วยไข่ ถือเป็นแกงที่ขาดไม่ได้ใน สำรับอาหารขันโตก



เครื่องปรุง
1. เนื้อหมูสันนอก
1 กิโลกรัม
2. เนื้อหมูสามชั้น
500 กรัม
3. กระเทียมกลีบเล็ก
3 หัว
4. ขิงซอย
1/4 ถ้วย
5. ซีอิ้วดำ
1 ช้อนชา
6. ผงแกงฮังเล หรือผงกะหรี่
1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลทรายแดง
3 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมะขามเปียก
3 - 4 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำ
5 ถ้วย
เครื่องแกง
1. พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ
5 เม็ด
2. หอมแดงซอย
2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมซอย
1 ช้อนโต๊ะ
4. ตะไคร้ซอย
1 ช้อนโต๊ะ
5. ข่าหั่นละเอียด
1 ช้อนชา
6. เกลือป่น กะปิ อย่างละ
1 ช้อนชา


วิธีทำ

1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกพริกแห้งกับเกลือจนละเอียด ใส่ข่าตะไคร้ กระเทียม โขลกรวมกันให้ละเอียด ใส่หอมแดง กะปิ โขลก เข้าด้วยกันให้ละเอียด

2. ล้างเนื้อหมูทั้ง 2 ชนิด ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2 คูณ 2 นิ้ว เคล้ากับซีอิ้วดำ ผงแกงฮังเล และน้ำพริกแกงที่โขลก หมักประมาณ 1 ชั่วโมง

3. ใส่เนื้อหมูทั้ง 2 ชนิด ที่หมักลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนผัดพอเนื้อหมูตึงตัว ใส่น้ำ เคี่ยวต่อจนเนื้อหมูสุก

4. ใส่ขิงซอย กระเทียมที่แกะปลือกเป็นกลีบ เคี่ยวจนเนื้อ เปื่อยนุ่ม เหลือน้ำขลุกขลิก

5. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาล พอเดือดอีกครั้งยกลง

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551

1. ต้มยำกุ้ง [ Spicy Soup with Prawn and Lemon Grass ]


สูตรอาหารไทย : ต้มยำกุ้ง
[ SPICY SOUP WITH PRAWN AND LEMON GRASS ]

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* กุ้งขนาดกลาง 12 ตัว (ปอกเปลือก, ทำความสะอาด)
* เห็ดฟาง 10 อัน
* ตะไคร้ 1 กำ (ทุบให้แหลกและหั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 2")
* ใบมะกรูด 3 ใบ
* เกลือ 1 ช้อนชา
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
* พริกขี้หนู 6 เม็ด (ทุบพอให้แหลก)
* น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง
* ผักชี 1/2 ถ้วยตวง (หั่นหยาบ)

วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ปอกเปลือกกุ้งออก เหลือหางไว้ (เพื่อความสวยงามเมื่อปรุงเสร็จ) จากนั้นหั่นด้านหลังกุ้งเพื่อเอาเส้นเลือดสีดำออก เสร็จแล้วนำเห็ดฟางไปล้างให้สะอาด หั่นเป็น 4 ส่วนและนำไปผึ่งให้แห้ง
2. นำน้ำเปล่าไปต้มในหม้อ จากนั้นใส่ตะไคร้, ใบมะกรูด และกุ้ง เมื่อสีกุ้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู (เริ่มสุก) ใส่เห็ดที่หั่นไว้แล้วและเกลือ
3. หลังจากน้ำเดือดแล้วปิดไฟ และ้นำหม้อออกมาจากเตา ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมะนาว และพริกขี้หนู เมื่อปรุงรสเสร็จตักเสิรฟในถ้วย ตกแต่งด้วยผักชีและเสิรฟทันที พร้อมด้วยข้าวสวยร้อนๆ
(สำหรับ 2 ท่าน)

2. ผัดกะเพราไก่ [ Fried Chicken with basil leaves ]


สูตรอาหารไทย : ผัดกะเพราไก่
[ FRIED CHICKEN WITH BASIL LEAVES ]
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* เนื้อไก่ 450 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีำคำ)
* กระเทียม 5 กลีบ (สับให้ละเอียด)
* หัวหอมใหญ่ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นบางๆ)
* น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
* ซิอิ๊วดำ 2 ช้อนชา
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* ใบกะเพรา 1 ถ้วยตวง
* พริก 7 เม็ด (ทุบพอแหลกและสับหยาบๆ)
* พริกไทยป่น
หมายเหตุ : สามารถใส่ผักอื่นๆลงไปผัดร่วมด้วยเช่น แครอท, ถั่วฝัก, ข้าวโพดอ่อน เป็นต้น

วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ตั้งน้ำมันในกระทะจนร้อน จากนั้นใส่กระเทียมและผัด 5-10 วินาที ใส่หอมใหญ่ และผัดต่อไปอีกสักพักจนกลิ่นเริ่มหอม ใส่เนื้อไก่ลงต่อและผัดจนเนื้อไก่สุกทั่ว
2. ใส่พริกและซิอิ๊วดำลงไปในกระทะ ผัดต่อไปอีก 15-20 วินาที
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และใส่ใบกะเพราลงไปในกระทะ ปิดไฟจากนั้นผัดให้กะเพราผสมกับเนื้อไก่่่จนทั่ว ตักใส่จาน ก่อนเสิรฟโรยหน้าด้วยพริกไทย เสิรฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ในบางครั้งไข่เจียวหรือไข่ดาวมักจะเสิรฟร่วมด้วย
(สำหรับ 2 ท่าน)

3. แกงเขียวหวานไก่ [ Green Curry with Chicken่ ]


สูตรอาหารไทย : แกงเขียวหวานไก่
[ GREEN CURRY WITH CHICKEN ]
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* น้ำพริกแกงเขียวหวาน 1/4 ถ้วยตวง
* เนื้อไก่ อกหรือสะโพก 350 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็ก พอดีคำ)
* กะทิ 1 1/4 ถ้วยตวง
* ใบโหระพา 1/4 ถ้วยตวง
* มะเขือเปราะ 2 ลูก (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
* น้ำุซุปไก่ 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำตาลทรายธรรมดา)
* น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
* พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด (หั่นเฉียง)
* ใบมะกรูด 4 ใบ

วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ตั้งกะทิ 1/2 ถ้วยตวง (กระทิส่วนที่เหลือไว้ค่อยใช้ในขั้นตอนต่อไป) บนกระทะจนร้อน (ใช้ไฟปานกลาง) คนจนกระทิเดือดประมาณ 3 - 5 นาที จากนั้นใส่เครื่องแกงเขียวหวานลงไปผัดกับกระทิสักพักจนน้ำกระทิงวดลง จึงเทส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อใหญ่
2. นำหม้อใบใหญ่ตั้งไฟปานกลาง ใส่เนื้อไก่และคนประมาณ 2 นาที จากนั้นใส่น้ำปลา, น้ำตาล คนต่อไปอีก 1 นาที ใส่มะเขือเปราะที่หั่นไว้แล้ว ใส่น้ำกระทิที่เหลือและใส่น้ำซุปไก่ ต้มต่อไปสักพักจนเนื้อไก่เริ่มสุก และมะเขือเปราะนิ่ม
3. ใส่ใบมะกรูดและใบโหระพา รอจนเดือด จากนั้นจึงปิดไฟ ตักใส่ถ้วยเสิรฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ และพริกน้ำปลา
หมายเหตุ : แกงเขียวหวานนอกจากจะนิยมรับประทานกับข้าวสวยแล้ว ยังนิยมทานกับขนมจีนอีกด้วย . . .
(สำหรับ 2 ท่าน)

4. แกงเผ็ดเป็ดย่าง [ Red Curry with Roasted Duck ]


สูตรอาหารไทย : แกงเผ็ดเป็ดย่าง
[ RED CURRY WITH ROASTED DUCK ]

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* เป็ดย่าง 1 ตัว (เลาะเอากระดูกออก หั่นเป็นชิ้น พอดีคำ)
* สัปปะรด 5 ชิ้น (หั่นเป็นชิ้นเล็ก พอดีคำ)
* ใบมะกรูด 4 ใบ (ซอยหยาบๆ)
* น้ำตาล 1 ช้อนชา
* กระทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* มะเขือเทศเล็ก 8 ลูก
* เกลือ 1/2 ช้อนชา
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำซุปไก่)
* น้ำมันพืช 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำพริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ตั้งน้ำมันบนกระทะจนร้อน ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไปผัด จากนั้นใส่กระทิ 3/4 ถ้วยตวงลงไปผัดด้วย (น้ำกระทิที่เหลือเ็ก็บไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป) ผัดจนกระทิกับเครื่องแกงเข้ากันทั่ว
2. ใส่เนื้อเป็ดที่หั่นไว้แล้ว และคนสักพักให้ทั่ว จากนั้นจึงเทส่วนผสมทั้งหมดย้ายไปยังหม้อที่ใหญ่กว่า นำหม้อใหญ่ไปตั้งไฟและเติมกระทิส่วนที่เหลือ, น้ำเปล่า (หรือน้ำซุปไก่), มะเขือเทศ, สัปปะรด, ใบมะกรูด, น้ำตาล, เกลือ และน้ำปลา
3. คนส่วนผสมในหม้อให้เข้ากัน และรอจนเดือดจึงปิดไฟ ตักใส่ถ้วยและเสิรฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
(สำหรับ 2 ท่าน)

5. ผัดไทยกุ้งสด [ Stir-Fried Rice Noodle with Shrimp ]


สูตรอาหารไทย : ผัดไทยกุ้งสด
[ STIR-FRIED RICE NOODLE WITH PRAWNS ]

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* กุ้งสด 12 ตัว (ทำความสะอาด, ปอกเปลือก)
* เส้นจันท์ (หรือเส้นเล็ก) 90 กรัม
* ถั่วงอก 50 กรัม
* ใบกุ้ยช่าย 2 ช้อนโต๊ะ (หั่นให้มีความยาวประมาณ 1 นิ้ว)
* น้ำปลา 6 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันหอย 6 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะขาม 3 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำส้มสายชู)
* น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
* หัวไชโป้ว 2 ช้อนโต๊ะ
* ถั่วลิสงบด 2 ช้อนโต๊ะ
* ไข่ 2 ฟอง
* พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบรสจัด)
* มะนาว 1/2 ลูก

วิธีทำทีละขั้นตอน
1. กรณีใช้เส้นชนิดแห้ง ให้นำเส้นไปแช่น้ำธรรมดา (อุณหภูมิห้อง) ประมาณ 30 นาที
2. ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง ใส่กุ้งลงไปผัดจนเริ่มสุก ตอกใส่ไข่ลงไปในกระทะ ใช้ตะหลิวเขี่ยให้ไข่แดงแตก พอไข่เริ่มสุก ใส่เส้น, น้ำตาล, ถั่วลิสงและ หัวไชโป้ว ผัดจนเส้นเริ่มนุ่มและเครื่องปรุงทั้งหมดผสมกันทั่ว
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมันหอย และน้ำมะขาม (หรือน้ำส้มสายชู) ใส่ถั่วงอก, หัวไชโป้วและพริกป่น (ถ้าชอบรสจัด) ผัดอย่างรวดเร็วให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันทั่ว ตักใส่จาน จัดแต่งด้วยถั่วงอกสด, พริกป่น, และมะนาว ข้างจาน ควรเสิรฟขณะยังร้อน
(สำหรับ 2 ท่าน)

1. ต้มยำกุ้ง [ Spicy Soup with Prawn and Lemon Gra...

2. ผัดกะเพราไก่ [ Fried Chicken with basil leaves ...

3. แกงเขียวหวานไก่ [ Green Curry with Chicken่ ]

4. แกงเผ็ดเป็ดย่าง [ Red Curry with Roasted Duck ]...

5. ผัดไทยกุ้งสด [ Stir-Fried Rice Noodle with Shri...

6. ส้มตำ [ Papaya Salad ]

7. ทอดมันปลา [ Thai Fish Cakes ]

8. ต้มข่าไก่ [ Coconut Milk Soup with Chicken ]

9. พะแนงเนื้อ [ Beef Panaeng ]

10. ข้าวผัดกุ้ง [ Thai Fried Rice with Prawns ]

11. ไก่ผัดเม็ดมะม่วง [ Stir-Fried Chicken with Cas...

12. หมูผัดเปรี้ยวหวาน [ Sweet and Sour Sauce fried...

13. ห่อหมกปลา [ Thai Steamed Curried Fish ]

15. หมูย่าง [ Thai Grilled Pork ]

16. แกงมัสมั่นเนื้อ [ Massaman Beef ]

17. ยำวุ้นเส้น [ Thai vermicelli Salad with Prawns...

18. ปลาราดพริก [ Fried Fish with Tamarind Sauce ]

19. ผัดซิอิ๊วหมู [ Stir-Fried Ribbon Noodles with ...

20. แกงจืดไข่น้ำ [ Fried Egg in Clear Soup ]

21. ปูผัดผงกะหรี่ [ Stir-Fried Crab Meat with Curr...

22. ไก่สะเต๊ะ+น้ำจิ้ม [ Chicken Satay with Cucumbe...

23. น้ำตกเนื้อ, ยำเนื้อย่าง [ Thai Grilled Beef Sa...

24. เปาะเปี๊ยะทอด [ Thai Spring Roll ]

25. กุ้งกระเทียม [ Thai Garlic Prawns ]

26. ข้าวต้มกุ้ง [ Thai Rice Soup with Shrmip ]

27. ลาบหมู [ Ground Pork Salad ]

28. เสือร้องไห้ [ Grilled Marinated Beef with Spic...

29. ไข่ลูกเขย [ Sweet and Sour Eggs ]

30. แกงหน่อไม้ไก่ [ Red Curry with Chicken and Bam...

31. ข้าวมันไก่ [ Thai Chicken Rice ]

32. ราดหน้าหมู [ Thai Noodle with Pork in Gravy ]

33. ผัดเปรี้ยวหวานกุ้ง [ Thai Sweet and Sour Shrim...

34. ปูจ๋า [ Fried Crab and Pork Stuffed Shells ]

35. ปีกไก่น้ำแดง [ Chicken Wings in Red Sauce ]

36. แกงส้มกุ้ง [ Hot and Sour Curry with Shrmips ]...

37. น้ำพริกอ่อง [ Minced Pork with Tomato Sauce ]


38. ฉู่ฉี่ปลา [ Fish Fillet in Dried Red Curry ]

39. หมูพะโล้ [ Stewed Pork and Egg with Five Spice...

40. น้ำพริกกะปิ + ปลาทูทอด [ Spicy Shrimp Paste an...

41. ปลาหมึกผัดน้ำพริกเผา [ Stir-Fried Squid with R...

42. ไก่ห่อใบเตย [ Chicken Wrapped in Pandan Leaf ]...

43. หมูผัดพริกขิง [ Stir-Fried Pork with Red Curry...

44. ไก่ย่าง [ Thai BBQ Chicken ]

45. ปลาหมึกผัดไข่เค็ม [ Stir-Fried Squid with Salt...

46. ไก่ผัดขิง [ Thai Ginger Chicken ]

47. ยำปลาหมึก [ Thai Squid Salad ]

48. ขาหมูพะโล้ [ Thai Stewed Pork Leg with Five Sp...

49. แกงเลียงกุ้ง [ Thai Spicy Mixed Vegetable Soup...

50. ข้าวผัดสัปปะรด [ Thai Pineapple Fried Rice ]

51. โป๊ะแตกทะเล [ Thai Spicy and Sour Seafood Soup...

52. กุ้งอบวุ้นเส้น [ Baked Prawns and Mung Bean No...

53. เนื้อผัดน้ำมันหอย [ Stir-Fried Beef with Oyste...

54. ยำถั่วพู [ Thai Wing Bean Salad ]

55. ยำปลาดุกฟู [ Crispy Catfish with Green Mango S...

56. หมูมะนาว [ Boiled Pork with Lime, Garlic and C...

57. พล่ากุ้ง [ Thai Shrimp Spicy Salad ]

58. หอยแมลงภู่ผัดน้ำพริกเผา [ Stir Fried Green Mus...

59. ไข่ดาวลูกเขย [ Sweet and Sour Fried Eggs ]

60. อาจาด + ซ๊อสถั่ว [ Cucumber Relish + Peanut Sa...

61. ผัดฉ่าทะเล [ Seafood Spicy Stir-Fry ]

62. ผัดกะเพรากุ้ง [ Fried Shrimp with Basil Leaves...

63. ผัดผักบุ้ง [ Stir-Fried Swamp Cabbage with Sal...

64. ยำหอยแครง [ Spicy Cockle Salad ]

65. กุ้งราดซ๊อสมะขาม [ Fried Shrmip with Tamarind ...

66. ทอดมันกุ้ง [ Thai Shrimp Cakes ]

67. เกี๊ยวทอด [ Thai Fried Wonton ]

68. ข้าวหมูแดง [ Thai Red BBQ Pork with Rice ]

69. ปลาหมึกย่าง [ Thai Grilled Squid ]

70. ถุงทอง [ Thai Money Bag ]

71. พะแนงหมู [ Pork Panaeng ]

72. ปลานึ่งพริกมะนาว [ Steamed Fish with Lime, Gar...

ปลานึ่งซิอิ๊ว [ Steamed Fish in Soy Sauce ]

ต้มมะระยัดไส้หมูสับ [ Stuffed Bitter Gourd in Clea...

ไข่เจียวหมูสับ [ Thai Style Pork Omelette ]

ปลาทอดน้ำปลา [ Fried Fish with Fish Sauce ]

ผัดเต้าหู้หมูสับ [ Stir Fried Tofu and Pork with B...

ไก่ตุ๋นซ๊อสขิง [ Stewed Chicken with Ginger Sauce ...

คลังบทความของบล็อก